โรคเอดส์ HIV

โรค “เอดส์” ก็เป็นโรคที่ใครหลาย ๆคน ก็รู้จักกันดี ถึงขั้นเรียกว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงกันเลยทีเดียว หรือถ้าจะมองว่าเป็นคำที่ไม่ได้ในอดีต คือโรคที่สังคมรังเกียจ แต่ปัจจุบันนี้ โรคเอดส์นั่น ผู้ป่วย โรคเอดส์ ก็เป็นที่ยอมรับจากสังคมได้ ด้วยความรู้ความเข้าใจของคนสมัยใหม่ แหม๋ ๆ โรคเอดส์หนะ ไม่ได้ติดด้วยการจ้องตากันซะหน่อย มาอ่านกันใหม่น่ะว่าที่จริงแล้ว

โรคเอดส์ หนะ สามารถติดต่อได้ทางไหนได้บ้าง ก็คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อันตรายทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ การติดต่อทางอื่นก็มีเช่นกัน เช่น การใช้เข็มฉีดยาเดียวกัน ทารกที่เกิดจากมารดาที่ติดเชื้อเอดส์ รวมถึงการสัก ยังไม่มีตัวยาใดรักษาโรคนี้หายได้ แต่ก็มีตัวยาที่สามารถชะลอการดำเนินของโรคเอดส์ได้ ดังนั้นจึงต้องกินยาตลอดชีวิต เคยได้ยินมากันมั้ยว่าคน โรคเอดส์ บางคนก็ดูออกว่าเป็น โรคเอดส์ บางคนก็ดูไม่ออก นั้นก็ขึ้นอยู่กับอาการและระดับเลเวลว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ นั้น เป็นถึงขั้นไหน ปัจจุบัน ผู้ป่วยที่เป็น โรคเอดส์ เริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่อาจจะไม่รู้เท่าถึงการณ์ การมีเพศสัมพันธ์ด้วยการที่ไม่ใส่ถุงยาง สาเหตุนี้เป็นสาเหตุส่วนมากที่จะนำพาสู่โรคเอดส์ ก็โรคนี้หนะ น่ากลัวจริง ๆ นะจ๊ะ ป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า “กันไว้ดีกว่าแก้” แต่ โรคเอดส์ เป็นแล้วเป็นเลย แก้ไม่ได้ด้วยสิ แก้ได้ก็ต้องทานยาตลอดชีวิต ลองมาอ่านกันสิจ๊ะว่า โรคเอดส์ คืออะไร

โรคเอดส์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งเกิดจากการติด เชื้อไวรัส HIV ซึ่งเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค ก็บอกว่าเป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรค เมื่อโดนทำลายไปแล้วจะเอาอะไรมาคุ้มกันได้ละเนี๊ยะ ก่อเกิดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคบกพร่อง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคลดน้อยลง หรือไม่มีภูมิคุ้มกันเลย ร่างกายอ่อนแอ ทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนได้ง่าย เป็นนั้นเป็นนี่ บางคนก็มีตุ่มออกตามตัวตัว น้ำเหลืองไม่ดี เยอะอะโรคที่จะตามมา จำไว้ว่า “เชื้อไวรัส HIV นั้นได้เข้ามาทำลายร่างกายของเราด้วยการทำลายระบบภูมิกันโรค ในเมื่อทำลายไปแล้วไม่มีโอกาสกลับคืนมา คือเป็น โรคเอดส์ เป็นแล้วเป็นเลย”

อาการของผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์

อาการของ โรคเอดส์ นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 คือ ระยะไม่ปรากฏอาการ สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงตามปกติ อุดมและสมบูรณ์ดี ไม่มีเหมือนโรคอื่นน่ะที่จะมีสัญญาณเตือนหนะ สัญญาณเตือนที่ดีนั่นก็คือพฤติกรรมของคุณว่าไปทำอะไรมาบ้างในการใช้ชิวิตประวันของคุณนะจ๊ะ

ระยะที่ 2 คือ ระยะเริ่มจะเป็นโรคเอดส์ มีเลือดบวก นั่นไง จะรู้ว่าเป็น โรคเอดส์ ก็ต่อเมื่อมีอาการซะแล้ว ไปตรวจเลือด ป๊าด เป็นเลือบวก มันอาจจะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งปรากฏ เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่ง ติดต่อกันหลายเดือน อุจจาระร่วง น้ำหนักตัวลดลง มีไข้เรื้อรัง

ระยะที่ 3 ระยะ โรคเอดส์ ระยะนี้ภูมิต้านทานของร่างกายก็จะลดลง ก็ลดลงสิเพราะว่าเชื้อไวรัส HIV นั้นได้เข้าไปทำลายระบบภูมิกันโรคของร่างกายอะ ทำเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคร้ายต่าง ๆ เพราะเม็ดเลือดขาวถูกทำลายไปจนหมด

ปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคเอดส์

การมีเพศสัมพันธ์เปลี่ยนคู่นอนบ่อย คุณผู้หญิงคุณผู้ชายที่ชอบเที่ยวกลางคืนหนะระวังให้ดี กามนำพา กรณีนี้ตัวนำพา โรคเอดส์ เลยแหละ ระวัง ๆ ไว้บ้างก็ดีนะจ๊ะ ถ้าไม่อยากมากลุ้มใจทีหลัง
เสพสิ่งเสพติด อบายมุขต่าง ๆ ก็รู้กันอยู่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย ส่งผลต่าง ๆ ที่จะตามมา ไม่ต้องคิดเลยว่าผลที่ตามมามันจะดี ไม่มีทางดีหรอกจ๊ะ มีแต่จะสร้างหายนะ ไม่ก่อประโยชน์แถมยังเกิดโทษอีก
ดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อดื่มมากเกิดอาการมึน ๆ เมา ๆ ก็เป็นหนทางนำไปสู่เรื่องของเซ็ก เพราะอาการเมาทำให้เราขาดสติ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการติดยาเสพติดหรอกนะจ๊ะ
การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
ทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นโรคเอดส์ เป็นปัญหาทั้งของสังคมและครอบครัว ว่าเด็กที่เกิดมาจากมารดาที่เป็น โรคเอดส์ นั้นจะใช้ชีวิตอย่างรัย

ยารักษาโรคเอดส์

ยาที่ใช้รักษา โรคติดเชื้อ HIV แบ่งอกเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 3 กลุ่มคือ

Nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NRTIs) ได้แก่ยา ZDV, D4T, DDC, DDI, 3TC
Protease inhibitors (PIs) ได้แก่ยา nelfinavir, saquinavir, ritonavir, nelfinavir
Non-nucleoside reverse transcriptase inhibitors (NNRTIs)ได้แก่ยา nevirapine, delavirdine

การป้องกันจากโรคเอดส์

หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ให้ใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง หรือไม่ก็นำเข็มฉีดยานั้นไปฆ่าเชื้อซะ แล้วค่อยนำกลับมาใช้ใหม่ได้นะจ๊ะ อย่างโรงพยาบาลการที่จะนำเข็มฉีดยากลับมาใช้ใหม่ เขาผ่านกระบวนการมากมายทั้งการใช้อุณหภูมิความร้อนสูงในการฆ่าเชื้อ หรือใช้มาตรการเผาทิ้งไปเลย
หยุดยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด อบายมุขที่นำพาไปสู้ โรคเอดส์ ทั้งหลาย ไม่ใช่แค่จะเป็นโรคเอดส์โรคเดียวนะ โรคอื่นก็เป็นได้ ไม่ได้ดีต่อสุขภาพร่างกายเลยนะจ๊ะ อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย และอย่าทำร้ายผู้อื่น
ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย หรือที่เรียกกันว่า บุคคลสำส่อน กิ๊ก (ที่เรียกว่าชู้) ระวังให้ดีนะจ๊ะ เราจะรู้ได้ยังไงว่าคู่นอนของคุณจะนอนกับคุณเพียงคนเดียว นี่ก็เป็นปัญหาที่ต้องระมัดระวังกันไว้ เพราะว่ากรณีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ที่นำพาสู่ โรคเอดส์ มากที่สุด
สำหรับทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็น โรคเอดส์ มารดาควรที่จะไปพบหมอเพื่อขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากหมอ เริ่มตั้งแต่การฝากท้อง จนถึงคลอด และการดำเนินชีวิตในสังคม